การเตรียมตัวเพื่อทำงานในสาขาบริหารงานก่อสร้าง

รุนแรง ต่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมก่อสร้างวงการสถาปนิกของเราก็ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่าง
รุนแรงเช่นกัน สถาปนิกในยุคนี้มีโอกาส และทางเลือกน้อยกว่าในยุคที่เศรษฐกิจเฟื่องฟู การที่จะโก่งค่าตัวและวาด
ภาพอนาคตที่เลิศหรูนั้นจะไม่เป็นภาพที่ปรากฏให้เห็นอีกในยุคนี้ ดังนั้นนักศึกษาผู้ที่ก้าวเข้าสู่วงการอาชีพ มีความจำ
เป็นจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมที่จะเผชิญกับความเป็นจริงและความยากลำบากข้างหน้า ด้วยการใช้สติปัญญา
ความรู้ ความอดทน ในการปรับตัวหาช่องทางจนกว่าจะฝ่าฟันวิกฤตการนี้ไปให้ได้
ข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งของการเป็นสถาปนิกคือ การได้ถูกฝึกมาให้เป็นนักคิด นักวางแผนมีความอดทนและมีมุมมอง
โลก (VISION) ที่ค่อนข้างกว้าง แต่ก็มีสถาปนิกอีกจำนวนไม่น้อยที่ใช้มุมมองตีกรอบให้ตัวเองอยู่ใน วงจำกัดแคบ ๆ ไม่
สามารถใช้พลังสร้างสรรค์และผลักดันให้ตัวเองหาทางออกหรือประสบความสำเร็จมากกว่าที่เป็นอยู่ นักศึกษาจึงควร
เปิดใจให้กว้างและปรับทัศนคติแบบเดิม ๆ เช่น เมื่อจบออกมาแล้วจะต้องเป็น นักออกแบบให้ได้สมกับที่ได้ร่ำเรียนวิชา
ออกแบบสถาปัตยกรรม ซึ่งเป็นวิชาหัวใจหลักของสถาปนิก และมองว่าการไปทำอย่างอื่นเป็นเรื่องต่ำต้อย สถาบันการ
ศึกษาของเรานอกจากจะฝึกคนให้มีความคิดสร้างสรรค์แล้วยังฝึกฝนความสามารถในการวิเคราะห์ แยกแยะค้นคว้า
ตรวจสอบและหาข้อสรุปได้อย่างดีเยี่ยม โดยที่ตัวบางคนเองก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ดังนั้นการที่สถาปนิกจะเบนเข็มไปสู่
วงการอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับวงการก่อสร้างหรือวงการอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย จึงมิใช่เรื่องยากที่จะกระทำ
งานบริหารการก่อสร้างก็อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ งานหลักของงานบริหารการก่อสร้าง คือ การควบคุม
การก่อสร้างให้เป็นไปตามแบบที่ตกลงทำสัญญากันไว้ ด้วยความประหยัดมีคุภาพและตรงตามเวลาที่กำหนด บางคน
คิดว่าบทบาทของสถาปนิก SITE งานไม่โดดเด่นเท่ากับวิศวกร เนื่องจากสถาปนิกไม่รู้เรื่องกับ CONCEPT ของการ
คำนวณและโครงสร้างเพียงพอ แต่ในความเป็นจริงแล้วเราไม่จำเป็นจะต้องมีความกังวลในเรื่องนี้ เพราะไม่ใช่วิศวกรทุก
คนที่จบมาแล้วจะสามารถทำรายการคำนวณได้ทุกคน และวิศวกรส่วนใหญ่ถ้าไม่ได้จับงานทางด้านการคำนวณหรือ
ละเว้นมานานก็จะไม่ทำรายการคำนวณใน SITE งานจะมีผู้รับหน้าที่ทำรายการคำนวณโดยเฉพาะเมื่อโครงสร้างมี
ปัญหาหรือเป็นการว่าจ้างมือปืนเฉพาะกิจ ดังนั้นสถาปนิกใน SITE งานจึงไม่ควรมีความรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าวิศวกร
สนามเพราะสถาปนิกมีความรู้และความสามารถมากมายในการทำงานบริหารการก่อสร้าง
การเตรียมตัวเพื่อทำงานสนามนั้นไม่มีอะไรมากเป็นพิเศษ แต่จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจกับงานที่หนักในสภาพแวด
ล้อมที่ไม่สวยหรูเหมือนกับการทำงานใน OFFICE DESIGN งานสถาปนิกใน SITE โดยทั่วไปได้แก่ การทำแบบ SHOP
DRAWING, SUPERVISE งานก่อสร้าง, งานออกแบบประมาณราคา,จัดทำแผนงาน, ฝ่ายจัดซื้อ,ตรวจสอบคุณภาพ
ฯลฯ เนื่องจากงานที่สถาปนิกมักจะถูกมอบหมายให้ทำคือ ทำแบบ SHOP DRAWING และ SUPERVISE งานก่อสร้าง
จึงจะขอกล่าวถึงเฉพาะสองหัวข้อนี้
การทำ SHOP DRAWING คือการนำแบบคู่สัญญาจากผู้ออกแบบมาจัดทำใหม่ให้มีรายละเอียดเพิ่มขึ้นอย่างเพียง
พอที่จะสามารถนำแบบไปก่อสร้างได้จริง สถาปนิกจะต้องใช้ความรู้ทางด้าน CONSTRUCTION และความเข้าใจของ
การออกแบบ แบบ SHOP DRAWING ก็มีลักษณะคล้ายกับแบบ DESIGN ของผู้ออกแบบ คือ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน
ใหญ่ ๆ คือ ส่วนของงานสถาปัตย์ งานโครงสร้างและงานระบบ สถาปนิกจะต้องทำการ CLEAR แบบและแก้ไขส่วนที่ไม่
ชัดเจนโดยการประสานงานกับผู้ออกแบบ หลักใหญ่ ๆ ในการ CLEAR แบบคือ จะต้องมี DIMENSION ค่าพิกัดและราย
ละเอียดแบบขยายที่ชัดเจนและเพียงพอสำหรับการก่อสร้าง โดยที่ SCOPE งานในแบบ SHOP DRAWING จะต้องตรง
ตามสัญญาข้อตกลงที่ทำกันไว้ แบบ SHOP DRAWING งานสถาปัตย์เปรียบเหมือนกับเป็นแม่บทที่วิศวกรจะนำไปใช้
ในการอ้างอิงทำแบบ SHOP DRAWING โครงสร้างและงานระบบไฟฟ้า ประปา สุขาภิบาล ต่อไป
ส่วนการ SUPERVISE งานก่อสร้าง คือ การควบคุมดูแลการก่อสร้างให้ถูกต้องตาม SHOP DRAWING และเป็นไป
ได้ตามแผนงานก่อสร้าง โดยอยู่ใน BUDGET ที่กำหนด สิ่งที่สถาปนิกมักจะได้รับมอบหมายให้ดูแลคือ ส่วนของงาน
FINISHING WORK ต่าง ๆ ได้แก่ อุปกรณ์ประตู หน้าต่าง สี สุขภัณฑ์ กระเบื้อง เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ งาน FINISHING ดู
ผิวเผินแล้วเหมือนกับงานที่ไม่มีความยากสลับซับซ้อนอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นงานที่ยุ่งยากมาก ยกตัวอย่าง
เช่น งานทาสีผนัง เมื่อทาสีผนังไปแล้วและมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศตามมาทำให้ผนังเลอะเทอะ จึงต้องมีการซ่อม
สีผนังใหม่และเมื่อซ่อมสีผนัง ช่างสีทาสีไปเลอะเครื่องปรับอากาศอีก เป็นผลทำให้เกิดงานซ้ำซ้อนวกไปวนมาไม่จบสิ้น
ดังนั้นการควบคุมงานจะต้องรู้ขึ้นตอนการก่อสร้างและมีการวางแผนที่ดี ประสบการณ์ในการเรียนรู้และแก้ไขปัญหาได้
ไม่ยาก แม้ว่าโครงสร้างอาคารจะมีความมหัศจรรย์พันลึก แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็อยู่ภายใต้งาน FINISHING ทั้งหมด งาน
FININSHING จึงมีความสำคัญมาก ส่วนที่ท้าทายอย่างมากสำหรับการทำงานใน SITE คือ จะมีปัญหาใหม่ ๆ ที่เราจะ
ต้องคอยแก้ไขต่างกันไปทุกวันและบางครั้งต้องใช้ไหวพริบและจิตวิทยาในการแก้ปัญหา ปัญหาของการทำงานส่วน
ใหญ่มาจากคน จะสังเกตได้ง่าย ๆ ว่าไม่เคยมีแม้แต่สักครั้งเดียวที่สถาปนิกหรือวิศวกรจะลงมือก่ออิฐหรือผสมปูนเอง
ดังนั้นเราจะต้องมีทักษะในการใช้คนและการสื่อสาร ให้ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเข้าใจ และนำไปปฏิบัติให้ถูกต้องอย่างมี
ประสิทธิภาพ
เท่าที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นเพียงข้อมูลพอสังเขป เพื่อให้เห็นภาพของการทำงานใน SITE งานสำหรับผู้ที่สนใจ
อย่างไรก็ตามผู้เขียนเชื่อว่าการจบจากสถาบันการศึกษาเป็นอีกก้าวหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในชีวิตของนัก
ศึกษา จึงจำเป็นจะต้องหาข้อมูลและเปิดโลกทัศน์ให้กว้าง เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความหมายตามที่ตัวเอง
ปรารถนา

อ.พรศักดิ์ สิมะพรชัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น